บทความ

เลือกไม่ได้ใช่ไหม? ระหว่าง น้ำมัน⛽ vs ไฟฟ้า⚡

GWM จัดให้! พลังงานขับเคลื่อนทั้ง 2 รูปแบบ

All New “HAVAL H6 PHEV Plug-in Hybrid” นวัตกรรมใหม่ที่ผสานเทคโนโลยี EV และน้ำมันเข้าด้วยกัน ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ให้ทุกเส้นทางประหยัดและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของพลังงานเครื่องยนต์จากมอเตอร์ไฟฟ้า


ล้ำกว่า! >> ด้วยเทคโนโลยีจากโลกแห่งอนาคต ที่ช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ของระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่คอยช่วยเหลือคุณในระหว่างการขับขี่

คุ้มกว่า! >> ด้วยขุมพลังเทคโนโลยีที่ผสานกันระหว่าง EV และน้ำมัน ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ของความประหยัด 

จอยกว่า! >> ด้วยกำลังแรงบิดของเครื่องยนต์ที่ทำงานควบคู่ไปกับมอเตอร์ไฟฟ้า ขับสนุกกว่าด้วย 8 โหมดการขับขี่ ทั้งจากระบบไฟฟ้าและไฮบริด

บทความ

วิธียืดอายุการใช้งานเเบตเตอรี่

มีน้องเหมียวน่ารักๆ แบบนี้ ก็อยากที่จะขับไปนานๆ 💙

        ใครที่มีน้องเหมียว 😻 ไว้ครอบครองต้องลองวิธีนี้ กับวิธียืดอายุการใช้งานแบตเตอรรี่ไฟฟ้า🔋⚡ สำหรับน้องเหมียว ORA Good Cat จะเป็นอย่างไรบ้างไปดูกัน ✨ 

🔋ใช้แบตให้ SOC น้อยกว่า 10%

🔋ชาร์จ 100% อย่างน้อย 1 ครั้ง/สัปดาห์ ด้วย AC EV Charger (ไม่ต้องรีเซ็ท SOC)

🔋จอดรถมากกว่าหรือเท่ากับ 1 ชั่วโมง ก่อนและหลังการใช้งาน

🔋จอดรถมากกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนใช้งาน  และ ก่อนชาร์จจนเต็ม 100% ด้วยAC EV Charger

บทความ

เรื่อง ( ไม่ ) ลับ ของเเบตเตอรี่ Ora Good Cat

ORA Good Cat รถยนต์ไฟฟ้า 100% ไม่ได้มีดีแค่ความสวยนะ แต่ความดีงามของเทคโนโลยีในแบตเตอรี่ที่เป็นขุมพลังให้กับเหมียว ยังโดดเด่นไม่แพ้ความสวย ตามมาส่องกัน

Battery ของทั้ง 2 รุ่นถูกจัดมาอย่างเฉพาะเพื่อความเหมาะสม

👍 รุ่น 400 TECH และ 400 PRO ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ที่มีความจุ 47.788 kWh ขับได้ไกลสูงสุด 400 กิโลเมตร*

👍 รุ่น 500 ULTRA ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม Ternary (NMC) ความจุ 63.139 kWh ขับได้ไกลสูงสุด 500 กิโลเมตร*

และแบตเตอรี่ของ ORA Good Cat ยังมาพร้อมระบบระบายความร้อน LIQUID COOLING SYSTEM* ที่ช่วยให้ทุกการขับขี่ของคุณไร้กังวล**

*อ้างอิงผลการทดสอบระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้าตามมาตรฐาน New European Driving Cycle (NEDC Standard) ทั้งนี้ระยะทางการขับขี่ที่ได้รับจริงอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อุณหภูมิแวดล้อม สไตล์การขับขี่ จำนวนผู้โดยสารในรถ เป็นต้น

**ระบบระบายความร้อนจะทำงานควบคู่กับปัจจัยเกี่ยวเนื่อง 4 ประการ ได้แก่ ระดับความชัน น้ำหนักบรรทุก ลักษณะการขับขี่ และลักษณะทางกายภาพของเส้นทาง

 

Charging เพื่อเติมพลังให้เหมียว แบบ Fast Charge

ทั้ง 2 รุ่นสามารถเติมพลังให้เต็มเร็วด้วยระบบไฟฟ้ากระแสตรง DC ซึ่งใช้เวลาประมาณ 32 นาทีในรุ่น 400 TECH และ 400 PRO และ ประมาณ 40 นาทีในรุ่น 500 ULTRA จากปริมาณแบตเตอรี่ที่มี 30% -> 80% ก็พร้อมให้คุณออกเดินทางต่อด้วยการชาร์จเพียง 1 ครั้ง*

*อ้างอิงผลการทดสอบระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้าตามมาตรฐาน New European Driving Cycle (NEDC Standard) ทั้งนี้ระยะทางการขับขี่ที่ได้รับจริงอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อุณหภูมิแวดล้อม สไตล์การขับขี่ จำนวนผู้โดยสารในรถ เป็นต้น

สนใจทดลองขับ คลิก!ลงทะเบียนทดลองขับกับ GWM Chookiat Krabi

 

บทความ

3 รูปแบบสุดล้ำ พลังงานขับเคลื่อนไฟฟ้าจาก GWM

ความล้ำของพลังงานขับเคลื่อนไฟฟ้า xEV จาก GWM ที่พร้อมให้ทุกคนได้สัมผัสกับเทคโนโลยีขับเคลื่อนทั้ง 3 รูปแบบ

HEV (Hybrid electric vehicle) ⛽🔋

ยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริดที่เครื่องยนต์ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้มีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ต่ำกว่า ซึ่งระบบขับเคลื่อนแบบ HEV ไฮบริดแบบนี้ จะอยู่ใน HAVAL H6 และ HAVAL JOLION

 

– PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) ⛽⚡💧

ยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอิน ยานยนต์ไฟฟ้าที่พัฒนาต่อยอดมาจาก HEV (ระบบไฮบริด) ซึ่งจะอัปเกรดเพิ่มระบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟขึ้นมา ให้เข้ากับการใช้งานในประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจาก สามารถการทำงานได้ทั้ง 2 ระบบ (น้ำมัน และ ไฟฟ้า) ทำมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบ PHEV สามารถวิ่งได้ในระยะทางที่ไกลกว่า HEV ซึ่งระบบขับเคลื่อนแบบ PHEV ปลั๊กอินไฮบริดจะอยู่ใน HAVALH6 PHEV

 

– BEV (Battery Electric Vehicle) ⚡🔋

ยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ ที่จะใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งหมดเป็นตัวขับเคลื่อน และใช้การชาร์จไฟฟ้าเพื่อเติมพลังงานเข้าไปยังมอเตอร์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งข้อดีคือจะไม่มีควันไอเสียปล่อยทิ้งเป็นมลพิษทางอากาศ ช่วยให้คุณประหยัดขึ้นได้มากขึ้น ซึ่งระบบขับเคลื่อนแบบ BEV ยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ จะอยู่ใน ORA GOODCAT และ ORA GOODCAT GT

 

ตามหาคำตอบของความล้ำของยานยนต์ EV ทั้ง 3 รูปแบบจาก GWM ได้แล้ววันนี้ ที่ GWM Krabi 

หรือสนใจทดลองขับ คลิก! ลงทะเบียนทดลองขับกับ GWM Chookiat Krabi

บทความ

รถยนต์ไฟฟ้า ทำประกันรถยนต์ประเภทใดได้บ้าง?

        รถยนต์ไฟฟ้าเริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมในประเทศไทยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ Hybrid ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบน้ำมันและไฟฟ้า ไปจนถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเดียว ซึ่งผสมผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ทั้งนี้ เมื่อตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งาน หลายคนยังเกิดคำถามว่าจะต้องทำประกันรถยนต์แบบไหน? วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบกัน

รถยนต์ไฟฟ้าสามารถทำประกันแบบไหนได้บ้าง?

       เชื่อว่าคงเป็นคำถามที่หลายคนสงสัยกันอย่างแน่นอน กับเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้าสามารถทำประกันรถยนต์ได้ไหม? ต้องขอตอบเลยว่า “สามารถทำได้” โดยสามารถทำประกันรถยนต์ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1,2,2+,3 และ 3+ เพราะรถยนต์ไฟฟ้านับเป็นรถยนต์ประเภทหนึ่งที่ขับขี่บนท้องถนน แต่ในเรื่องของเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าอาจจะมีราคาสูงกว่าการทำประกันรถยนต์ทั่วไปนิดหน่อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความผันผวนของราคาแบตเตอรี่ไฟฟ้า แต่ในอนาคต หากแบตเตอรี่ราคาอยู่ในระดับคงที่ ราคาประกันก็จะอยู่ในระดับปกติกับรถยนต์ทั่วไปนั่นเอง

      เป็นยังไงกันบ้างกับข้อมูลรถยนต์ไฟฟ้าที่เรารวบรวมมาให้ได้รู้กัน รวมถึงเรื่องของการทำประกันรถยนต์ไฟฟ้า ที่จะช่วยให้ผู้ที่กำลังสนใจรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่อย่างรถยนต์ไฟฟ้าตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าคุณจะขับรถยนต์แบบทั่วไปรถยนต์ไฟฟ้า หรือวางแผนจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต การทำประกันรถยนต์ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะได้รับความคุ้มครองและประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้ว ยังช่วยสร้างความอุ่นใจให้ผู้ขับขี่อีกด้วย

บทความ

รถยนต์น้ำมัน VS รถยนต์ไฟฟ้า แบบไหนประหยัดกว่ากัน

     ปัจจัยหลักที่จะทำให้ประชาชนตัดสินใจที่จะเปลี่ยนรถยนต์ในเร็วๆ นี้ หันมาโฟกัสยานยนต์ไฟฟ้า (EV) มากขึ้นนั้น นอกจากจะสามารถชาร์จที่บ้านตามความต้องการแล้ว ค่าไฟที่ถูกกว่าอาจจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

    สำหรับอัตราการเติบโตของยอดจองรถยนต์ไฟฟ้า (EV) หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือราคาน้ำมันที่แสนแพงและมีความผันผวนมากขึ้น ยิ่งรัฐบาลไทยออกมาตรการอุดหนุนมอบส่วนลดต่างๆ เพื่อให้ราคารถไฟฟ้าเทียบเท่ารถเติมที่น้ำมัน สะท้อนให้เห็นกระแสความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการรถพลังงานสะอาดเป็นทางเลือกยังมีความต้องการอีกไม่น้อย 
  นอกจาก 2 ปัจจัยดังกล่าวแล้ว ผู้ใช้รถไฟฟ้ายังถูกมองเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ใส่ใจธรรมชาติ เพราะรถไฟฟ้าจะไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเป็นปัญหาในยุคปัจจุบันสอดคล้องกับนานาประเทศ

     วันนี้ GWM Krabi จะขอโฟกัสเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงกับไฟฟ้า โดยอ้างอิงจากเว็บไซต์ driveelectric ระบุว่า การขับรถด้วยรถยนต์ไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเพียง 1 บาทต่อกิโลเมตร หากเทียบกับปัจจุบันราคาน้ำมันจะเฉลี่ย 1 ลิตร (โซฮอลล์ 95 คือ 31 บาท) วิ่งในระยะทางตรงได้ 15 กิโลเมตรต่อลิตร เท่ากับว่ามีค่าใช้จ่าย 2.06 บาทต่อกิโลเมตร ถือว่าแพงกว่าเท่าตัว

     อีกทั้ง ยังประหยัดในเรื่องของการซ่อมบำรุงเพราะรถไฟฟ้าไม่มีเครื่องยนต์ หัวใจหลักอยู่ที่แบตเตอรี่และมอเตอร์ที่มีการประกันแบตเตอรี่ 8 ปี

Uncategorized

การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ระหว่าง AC กับ DC แตกต่างกันอย่างไร?

   หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังตัดสินใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในปัจจุบันยิ่งพุ่งสูงขึ้นทุกวัน แต่มีอีกหนึ่งข้อที่คุณอาจช่วยคุณให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น หากคุณเข้าใจสถานีชาร์จและลักษณะวิธีการชาร์จ ว่าคุณต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง

ระบบการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า มี 2 แบบ คือ AC และ DC สองระบบนี้แตกต่างกันอย่างไร ? 

AC คือ ไฟฟ้ากระแสสลับ Wall Charger ที่ติดตามบ้าน

DC คือ ไฟฟ้ากระแสตรง สถานีชาร์จ

   ที่ชาร์จ DC ต่างจากเครื่องชาร์จ AC ตรงที่มีตัวแปลงอยู่ภายในเครื่องชาร์จ ซึ่งหมายความว่าสามารถป้อนพลังงานให้กับแบตเตอรี่รถยนต์ได้โดยตรงและไม่จำเป็นต้องใช้ที่ชาร์จในตัวเพื่อแปลง ที่ชาร์จ DC นั้นใหญ่กว่า เร็วกว่า ยกตัวอย่างง่ายๆ หากคุณชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน หรือ Wall Charger การทำงานคือ ไฟบ้านเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ 220V จะวิ่งผ่าน On-board Charger เพื่อแปลงไฟและเข้าสู่รถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ช้ากว่า แต่หากคุณชาร์จกับสถานีชาร์จหรือการชาร์จแบบ DC เช่นในห้างสรรพสินค้า หรือตามปั้มน้ำมันต่างๆ จะเป็นการชาร์จตรงโดยไม่ผ่านการแปลงไฟ และเข้าสู่รถยนต์โดยตรง ซึ่งจะลดระยะเวลาในการชาร์จได้มากกว่าแบบ AC มาก

    โดยสรุปง่ายๆว่า การชาร์จแบบ AC หรือการชาร์จจากที่บ้าน นั้นจะเหมาะอย่างยิ่งกับรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดหรือ (PHEV) เนื่องจากไม่ได้ใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งระบบ และสามารถจอดชาร์จทิ้งข้ามคืนไว้ที่บ้านได้ แน่นอนจะถูกกว่าการชาร์จจากเครื่อง DC แต่ข้อคำแนะนำคือหากเลือกได้ควรเลือกเครื่องชาร์จที่มีกระแสไฟ 32Amp 7.2Kw เพื่อรักษาแบตเตอรี่

     การชาร์จแบบ DC นั้นเหมาะกับรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบ 100% ซึ่งจะให้ความรวดเร็วและตอบโจทย์มากกว่า เนื่องจากใช้ระยะเวลาไม่นานและชาร์จได้รวดเร็วกว่า ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ประเภทปลั๊กอินไฮบริดหรือรถยนต์ไฟฟ้า EV ก็ควรเลือกการชาร์จที่กระแสไฟ 32Amp 7.2Kw หากคุณทราบความแตกต่างของการชาร์จไฟเรียบร้อยแล้ว เมื่อคุณใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะสามารถวางแผนการชาร์จไฟและหาจุดสถานีชาร์จได้ง่ายขึ้น 

บทความ

กระบี่ ตรัง ภูเก็ต จุดชาร์จรถไฟฟ้าอันดามัน ขับไกล ไม่มีสะดุด

สาวก EV ที่กำลังวางแผนไปเที่ยว วันหยุดยาว ในช่วง ปีใหม่ 2566  หลายคนอาจจะมีแผนเดินทางขับรถไปเที่ยวในภาคใต้ เเต่ยังกังวลเรื่องของ สถานีชาร์จไฟ ที่ยังไม่แพร่หลาย วันนี้ทาง GWM Krabi มาบอกพิกัดสถานี ชาร์จรถไฟฟ้า ว่ามีตรงไหนบ้าง ไปเช็คกันเลย

ระบี่

  • PTT EV STATION สาขาสนามบินกระบี่  จ.กระบี่ รองรับหัวชาร์จแบบ AC Type 2 / CHAdeMo / CCS2 ดูแผนที่ > คลิก
  • EA ANYWHERE สาขา พีชลากูน่า รีสอร์ท จ. กระบี่ รองรับหัวชาร์จแบบ AC Type 2 / CCS2 ดูแผนที่ > คลิก
  • PEA VOLTA สาขาบางจาก เมืองกระบี่ จ.กระบี่ รองรับหัวชาร์จแบบ CHAdeMO / CCs2 ดูแผนที่ > คลิก
  • PEA VOLTA สาขาบางจาก คลองท่อม จ.กระบี่ รองรับหัวชาร์จแบบ CHAdeMO / CCS2 ดูแผนที่ > คลิก 
  • Elex by EGAT สาขาสถานีบริการน้ำมัน PT กระบี่ 2 จ.กระบี่ รองรับหัวชาร์จแบบ CCS2 เท่านั้น ดูแผนที่ > คลิก

ตรัง

  • PEA VOLTA สาขาบางจาก เมืองตรัง จ.ตรัง รองรับหัวชาร์จแบบ AC Type 2 / CHAdeMO / CCS2  ดูแผนที่ > คลิก
  • PEA VOLTA สาขาบางจาก เมืองตรัง 2 จ.ตรัง รองรับหัวชาร์จแบบ CHAdeMO / CCS2  ดูแผนที่ > คลิก 
  • Elex by EGAT สาขาสถานีบริการน้ำมัน PT ตรัง 2 จ.ตรัง รองรับหัวชาร์จแบบ CCS2 เท่านั้น ดูแผนที่ > คลิก

ภูเก็ต

  • PTT EV STATION สาขาสนามบินภูเก็ต จ.ภูเก็ต รองรับหัวชาร์จแบบ AC Type 2 / CHAdeMo / CCS2 ดูแผนที่ > คลิก
  • PTT EV STATION สาขาภูเก็ต จ.ภูเก็ต รองรับหัวชาร์จแบบ AC Type 2 / CHAdeMo / CCS2 ดูแผนที่ > คลิก
  • PEA VOLTA สาขาบางจาก กะทู้ จ.ภูเก็ต รองรับหัวชาร์จแบบ AC Type 2 / CHAdeMO / CCs2 ดูแผนที่ > คลิก
  • PEA VOLTA สาขาบางจาก เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต รองรับหัวชาร์จแบบ CHAdeMO / CCs2 ดูแผนที่ > คลิก
  • PTT EV STATION สาขาโรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ จ.ภูเก็ต รองรับหัวชาร์จแบบ AC Type 2 เท่านั้น ดูแผนที่ > คลิก
  • PTT EV STATION สาขากะทู้ 2 จ.ภูเก็ต รองรับหัวชาร์จแบบ AC Type 2 / CHAdeMo / CCS2 ดูแผนที่ > คลิก
  • EA ANYWHERE สาขา Inter Continental จ. ภูเก็ต รองรับหัวชาร์จแบบ AC Type 2 / CCS2 ดูแผนที่ > คลิก

มีพิกัดเเล้ว อย่าลืมโหลดเเอพ ค้นหาสถานีชาร์จรถไฟฟ้า มาติดตั้งกันด้วยนะคะ

บทความ

มีรถ EV ต้องโหลด ! Application บอกพิกัดสถานีชาร์จรถไฟฟ้า

ปัจจุบันกระแสความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์ EV ในประเทศไทยเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยค่ายรถหลายแบรนด์ต่างก็ทยอยส่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้าออกมาจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องบอกว่าการใช้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในยุคน้ำมันแพงได้ไม่น้อยเลย  เมื่อมีรถไฟฟ้าแล้วก็ต้องมีข้อมูลของตำแหน่งสถานีชาร์จต่างๆ เพื่อความอุ่นใจ และแน่นอนว่าผู้ให้บริการสถานีชาร์จต่างๆ ก็จะพัฒนาแอปพลิเคชัน มาอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าของรถ EV กันมากขึ้น

1. EVolt

แอปฯ ที่ให้คุณสามารถค้นหาสถานีชาร์จรถไฟฟ้าได้สะดวกและง่ายดายผ่านมือถือ โดยสามารถดูข้อมูลได้ว่าแต่ละสถานีว่างหรือไม่ มีคิวเยอะหรือเต็มไหม เพื่อที่จะได้วางแผนเลือกว่าจะขับเข้าไปเติมสถานีไหนดี แถมยังสามารถสั่งเริ่มและหยุดการชาร์จได้ผ่านแอปฯ อีกด้วย

ภาพจาก : Google Play

2. EA Anywhere

แอปฯ จากผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริดและรถไฟฟ้าแบตเตอรี่ โดยสถานี EA Anywhere จะตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครเป็นหลัก สามารถค้นหาสถานีได้สะดวกผ่านแอปฯ บนมือถือ พร้อมทั้งช่วยนำทางไปยังสถานีชาร์จที่ผู้ใช้ต้องการใช้บริการ

ภาพจาก : App Store

3. PlugShare

แอปฯ ค้นหาสถานีชาร์จสำหรับรถยนต์ EV และ Tesla ซึ่งสามารถค้นหาสถานีบนแผนที่ได้ โดยมีตัวกรองการค้นหาตามรูปแบบรถแต่ละประเภท พร้อมทั้งสามารถอ่านและดูรีวิวการใช้งานสถานีต่าง ๆ รวมทั้งเชื่อมต่อกับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าคนอื่น ๆ ได้

ภาพจาก : Google Play

4. MEA EV

แอปฯ สำหรับค้นหา จอง และชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทุกชนิดในประเทศไทย โดยการไฟฟ้านครหลวง สามารถใช้ค้นหาสถานีชาร์จได้ทุกค่ายทั่วประเทศ พร้อมระบบวางแผนและคำนวณเส้นทาง มีบอกจุดแวะพักระหว่างทาง แถมยังสามารถจองตู้ชาร์จของสถานีในเครือการไฟฟ้านครหลวงได้อีกด้วย ควบคุมการชาร์จผ่านแอปฯ ได้ รองรับทั้งระบบชาร์จ AC และ DC

ภาพจาก : App Store

5. EV Station PluZ

แอปฯ ค้นหาสถานีชาร์จรถไฟฟ้าโดยเครือ ปตท. ครอบคลุมการใช้งานสำหรับผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดและรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า โดยสามารถเช็กความพร้อมในการให้บริการของแต่ละสถานี และเช็กสถานะขณะชาร์จได้แบบเรียลไทม์

ภาพจาก : Google Play

6. PEA VOLTA

แอปฯ สำหรับค้นหาสถานีรถไฟฟ้า ภายในเครือข่ายของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พร้อมทั้งแสดงตำแหน่งสถานีที่อยู่ใกล้เคียง แสดงผลการค้นหาในรูปแบบแผนที่และนำทางด้วย GPS สามารถเลือกดูข้อมูลหัวชาร์จที่พร้อมใช้งาน และเลือกจองคิวการชาร์จล่วงหน้าได้

ภาพจาก : App Store

7. GO TO-U

แอปฯ ค้นหาสถานีชาร์จรถไฟฟ้าที่รวมสถานีกว่า 3 แสนแห่งทั่วโลก สามารถเลือกสถานีชาร์จที่ต้องการใช้บริการแล้ววางแผนการเดินทางได้สะดวก พร้อมระบบจองการชาร์จล่วงหน้า โดยรองรับการชำระเงินหลากหลายช่องทาง

ภาพจาก : Google Play

และที่กล่าวมาทั้งหมดก็คือแอปฯ ค้นหาสถานีชาร์จไฟฟ้าที่คนใช้รถยนต์ EV ควรมีติดเครื่องไว้ เพียงเท่านี้ก็หมดห่วงแล้ว เพราะไม่ว่าไฟจะหมดตอนไหนก็สามารถค้นหาสถานีชาร์จใกล้ ๆ ได้อย่างสะดวกง่ายดาย

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : Google Play, App Store, https://car.kapook.com

error: Content is protected !!