เกิดภัยธรรมชาติแบบไหน ที่ประกันภัยรถยนต์คุ้มครอง
ในประเทศไทยมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นตามฤดูกาล ที่สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินจนกลายเป็นภัยพิบัติ อาทิ อุทกภัย วาตภัย ดินโคลนถล่ม แผ่นดินไหว ภัยแล้ง และไฟป่า เป็นต้น แล้วภัยธรรมชาติแบบไหนบ้างที่บริษัทประกันภัยรถยนต์จะทำหน้าที่คุ้มครองผู้ขับขี่และรถยนต์ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงบ้าง
1.อุทกภัย ทุกปีจะเกิดฝนตกน้ำท่วม รถยนต์จมน้ำจำนวนมาก เสียหายน้อยจนถึงหนัก หากทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ถือเป็นประกันรถยนต์ที่มีความคุ้มครองมากที่สุด และประกันชั้น 2+ ของบางแห่งก็คุ้มครองด้วยเช่นกัน เคลมความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงค่ารักษาพยาบาล ประกันอุบัติเหตุ
2.วาตภัย ลมพายุที่หอบทั้งลมฝน ลูกเห็บ ความแรงของพายุสามารถถอนโค่นต้นไม้ใหญ่ได้ ยังทำให้ตัวบ้านพังเสียหายในพริบตา ส่วนรถยนต์ที่เสียหายก็จะได้รับการคุ้มครองจากประกันชั้น 1 และประกันรถยนต์ชั้น 2+ รวมถึงค่ารักษาพยาบาล ประกันอุบัติเหตุ และประกันตัวผู้ขับขี่
3.แผ่นดินไหว เป็นภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถพยากรณ์ได้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ยังมีอาฟเตอร์ช็อกตามมา ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในภาคเหนือ เพราะมีรอยเลื่อนที่ยังมีพลังหลายจุดพร้อมจะเขย่าแผ่นดินได้เสมอ ระดับความสั่นสะเทือนมีสร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน กรณีรถยนต์ประสบเหตุแผ่นดินไหว ทำประกันชั้น 1 และประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะได้รับการดูแลทั้งชีวิตและทรัพย์สินตามที่ระบุในกรมธรรม์ทุกประการ
4.ดินโคลนถล่ม ทั้งก้อนหินดินโคลนที่ไหลหรือร่วงหล่นลงมาจากที่สูง เป็นอันตรายต่อการขับขี่บนท้องถนน หากรถเสียหายจากดินโคลนถล่ม ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 อุ่นใจกว่า ครอบคลุมความคุ้มครองเรื่องดินโคลนถล่มแน่นอน
5.อัคคีภัย ไฟป่าที่เกิดจากความแห้งแล้งธรรมชาติ กิ่งไม้เสียดสีกัน หรือฟ้าผ่าลงใส่ทำให้เกิดไฟไหม้ เมื่อรถยนต์คันโปรดต้องประสบเหตุภัย ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ก็ตามมาคุ้มครองให้ บางบริษัทประกันภัยยังมีประกันชั้น 2 และ 2+ ครอบคลุมไฟไหม้ด้วยเช่นกัน ลดความเสียหายที่เกิดขึ้นตามเงื่อนไข
6.อุกกาบาต หรือเศษซากกระสวยอวกาศจากนอกโลกตกใส่รถยนต์ ถือเป็นเรื่องที่เกิดจากภัยธรรมชาติ แม้โอกาสเกิดขึ้นเกือบเป็นศูนย์ แต่ประกันชั้น 1 ก็ครอบคลุมไปถึง รับรองเคลมให้
สรุปแล้ว ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองอย่างครบถ้วน ทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สินของเราและของคู่กรณี ขณะที่การทำประกันภัยรถยนต์ ชั้น 2+ ถือว่ามีความคุ้มครองที่ค่อนข้างสูงเช่นกัน แต่จำกัดโดยทุนประกันและมีเงื่อนไข ขอให้ศึกษารายละเอียดจากบริษัททำประกันภัยอีกครั้ง
กรณีที่บริษัทประกันภัยไม่สามารถปฏิบัติตามกรมธรรม์ที่ทำกันไว้ ต้องพิจารณาอย่างละเอียดหากพบข้อสงสัย เช่น พบว่ามีความประมาทเลินเล่อ เจตนาหรือจงใจไม่หลบเลี่ยงภัยพิบัติต่าง ๆ ทั้งที่รู้ว่าเกิดขึ้นและเผชิญหน้า เช่น พยายามขับรถยนต์ฝ่าเข้าพื้นที่น้ำท่วมสูง ดินโคลนถล่ม แผ่นดินแยกที่เกิดจากแผ่นดินไหว ต้นไม้ล้มขวาง รวมถึงการจัดฉากความเสียหายจากภัยพิบัติจริงแล้วแจ้งเหตุที่เป็นเท็จ เพื่อหวังเคลมประกัน
กรณีคนขับขี่นำรถยนต์ของผู้อื่นที่ทำประกันมาขับขี่โดยไม่มีใบขับขี่ หรือเมาสุรา เสพยาเสพติดขณะขับขี่ หรือนำรถไปก่อคดีต่าง ๆ และประสบเหตุภัยพิบัติ เมื่อตรวจสอบพบจะถูกบริษัทประกันแจ้งดำเนินคดีอาญาในข้อหาให้ความเท็จเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์จากประกันวินาศภัย เป็นต้น
ดังนั้น รถยนต์ของเราอาจจะเป็นคันหนึ่งที่ประสบภัยภัยพิบัติโดยคาดไม่ถึง การเลือกทำประกันรถยนต์ที่คุ้มครองเหตุภัยพิบัติธรรมชาติไว้ด้วยถือเป็นทางเลือกที่ดี มีความสบายใจ เกิดความคุ้มค่า ช่วยคุ้มครองความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินตลอด 24 ชั่วโมง