How to “ชาร์จไฟรถ EV ผ่านแอป GWM”⚡

การใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ กลายมาเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ผู้บริโภคใช้งานกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน หลากหลายแบรนด์ต่างก็พัฒนาฟีเจอร์บนแอปพลิเคชันเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะ “บริษัทที่ให้บริการการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีระดับโลก” (Global Mobility Technology Company) ได้พัฒนา GWM Application ขึ้น เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยเชื่อมต่อประสบการณ์แบบ O2O (Online-to-Offline) ในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร บริการ กิจกรรม และการดำเนินธุรกรรม รวมไปถึงเป็นพื้นที่ออนไลน์ในการแบ่งปันเรื่องราวและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกันผ่านขั้นตอนการใช้งานที่ง่าย สะดวกสบาย และสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างเต็มที่

ให้ทุกขั้นตอนในการเป็นเจ้าของรถยนต์จากเกรท วอลล์ มอเตอร์ เป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายสำหรับคุณ

 GWM Application  เชื่อมต่อกับสถานีชาร์จมากกว่า 700 แห่งทั่วประเทศ ผู้ใช้สามารถค้นหาตำแหน่งของสถานีชาร์จเพื่อนำทางไปได้อย่างง่ายดาย สำหรับสถานีชาร์จซุปเปอร์ชาร์จและสถานีชาร์จพาร์ทเนอร์ ผู้ใช้สามารถตรวจสอบความพร้อมใช้งานของตัวเชื่อมต่อ ตรวจสอบสถานะการชาร์จ และรับการแจ้งเตือนเมื่อคุณพร้อมออกเดินทาง

จอดรถตากฝน ทำให้สีรถหมอง จริงหรือ ?

จริง ๆ แล้วแสงแดดคือตัวการลำดับแรกที่มีผลทำให้สีรถหมอง แต่ฝนก็เป็นลำดับถัดมาที่ทำให้สีรถหมองได้เหมือนกัน เพราะฝนที่ตกลงมาในปัจจุบันไม่ได้เป็นหยดน้ำที่มีความสะอาดเหมือนในสมัยก่อน เนื่องจากสภาพอากาศในบ้านเราเต็มไปด้วยมลภาวะ ฝุ่นละออง สารเคมีต่าง ๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ เมื่อฝนตกลงมาก็จะชะล้างสิ่งสกปรกเหล่านั้นลงมาด้วย ไม่ว่าจะขับรถอยู่หรือจอดไว้เฉย ๆ หากปล่อยไว้ให้แห้งโดยไม่ทำความสะอาดในทันที ก็จะเกิดเป็นคราบเคลือบชั้นผิวรถอีกทีหนึ่งทำให้สีรถดูหมอง หรือทิ้งไว้นานอาจกลายเป็นคราบที่ติดฝังแน่นได้ จะเห็นได้ชัดเจนในรถสีขาว

นอกจากการจอดรถตากฝนจะมีผลเสียกับภายนอกของตัวรถแล้ว ยังสามารถสร้างปัญหาให้กับอุปกรณ์ภายในเครื่องยนต์ได้เช่นกัน เพราะการจอดรถตากฝนเป็นระยะเวลานาน ๆ โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืน ชิ้นส่วนภายในห้องเครื่องจะเกิดความชื้นสะสม ส่งผลให้การสตาร์ตเครื่องรถยนต์ในตอนเช้านั้นทำได้ยาก หรืออาจสตาร์ตไม่ติดเลยก็เป็นได้

วิธีดูแลรถจอดตากฝน

1.ล้างและทำความสะอาดในทันที

          หากเป็นไปได้ในทุกครั้งที่ต้องจอดรถตากฝน หรือขับรถลุยฝนมา ควรเช็ดล้าง ทำความสะอาดในทันที โดยใช้น้ำสะอาดฉีดล้างตัวรถให้ทั่วเพื่อชะล้างเศษฝุ่น คราบต่าง ๆ ก่อน ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดในทันที เพราะอาจทำให้สีรถเป็นรอย

2. หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด

          เมื่อรถยนต์ของเราเปียกฝน ไม่ควรนำรถไปโดนแสงแดดในทันทีโดยทียังไม่ได้เช็ดล้างทำความสะอาด เพราะแสงแดดจะทำให้น้ำระเหยออก และทิ้งร่องรอย คราบ ฝุ่นต่าง ๆ ไว้ที่ตัวรถ ทำให้สีรถดูหมอง ไม่เงางาม

3. เคลือบสีรถอยู่เสมอ

          ถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงการจอดรถตากฝนได้ การเคลือบสีรถยนต์หรือการใช้น้ำยาขัดสีรถ อาจเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยปกป้องรถได้ในระดับหนึ่ง เพราะนอกจากสารที่เคลือบชั้นสีตัวรถอยู่นั้นจะช่วยไม่ให้น้ำ หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ติดบนพื้นผิวของรถได้ง่าย ยังช่วยป้องกันรังสี UV หากจำเป็นต้องจอดรถตากแดด และที่สำคัญการเคลือบสีรถยังช่วยลดริ้วรอยต่าง ๆ ได้อีกด้วย

4.จอดในที่ร่มดีที่สุด

          ไม่ว่าจะวิธีไหน ๆ การจอดรถในที่ร่ม หรือที่ที่มีหลังคาก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องรถยนต์จากทั้งน้ำฝนและแสงแดด หากไม่สามารถหาได้จริง ๆ อาจเลือกใช้ผ้าคลุมรถเป็นการป้องกันในเบื้องต้นก่อน

          อย่างไรก็ตาม การจอดรถตากฝน หรือตากแดดอาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากในปัจจุบัน ด้วยข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่และลักษณะของที่อยู่อาศัยซึ่งอาจมีที่จอดรถไม่เพียงพอ ดังนั้น เราควรหมั่นล้าง ทำความสะอาด และเคลือบสีเป็นประจำ เพื่อให้รถยนต์สะอาด เงางาม ดูใหม่อยู่เสมอ

 เจ้าเหมียว ORA Good Cat สุดล้ำ พร้อมเทคโนโลยีเเห่งอนาคต

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ

ปรับลดความเร็วอัตโนมัติเมื่อมีรถอยู่ด้านหน้า และควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ พร้อมฟังก์ชันที่พิเศษกว่าใครกับระบบช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ ช่วยลดความเร็วขณะเข้าโค้ง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุให้การขับขี่ปลอดภัยขึ้นอีกขั้น

ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ ให้คุณถอยจอดง่าย สบายกว่าเคย

สัมผัสการจอดรถที่สะดวกสบายแบบที่คุณไม่ต้องควบคุมพวงมาลัยเองโดยระบบจะตรวจจับวัตถุและเครื่องหมายบริเวณช่องจอดพร้อมคำนวณพื้นที่และช่วยควบคุมรถให้จอดเองอัตโนมัติครอบคลุมการจอดรถมากถึง 3 รูปแบบ

ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินบนทางตรงและทางแยก ช่วยให้ระบบการขับขี่ปลอดภัย สามารถเบรกได้ทันที

มอบความปลอดภัยให้ทั้งคุณและเพื่อนร่วมทางบนท้องถนนด้วยเซนเซอร์ตรวจจับทางแยกคนเดินถนนร่วมถึงรถด้านหน้า และหลังพร้อมส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงและเบรกอัตโนมัติเพื่อการขับขี่ที่ไร้กังวลในทุกเส้นทาง

🚗 ฟีเจอร์สุดล้ำใน  HAVAL H6 PHEV ช่วยให้ชีวิตของคุณเหนือชั้นกว่าเดิม 

⚡️ 1 Charge = 201 KM ชาร์จครั้งเดียว เที่ยวได้ไกล 200 กิโลเมตร

✅ Kick Sensor เพิ่มความสบายให้ชีวิต เปิดฝาท้าย ไม่ต้องสัมผัส

✅ ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ 3 รูปแบบ ที่เปลี่ยนเรื่องจอดยาก ให้เป็นเรื่องง่าย สบายกว่าที่เคย

🚗ถอยจอดอัตโนมัติแนวตรง
🚗ถอยจอดอัตโนมัติแนวเฉียง
🚗ถอยจอดอัตโนมัติเทียบด้านข้าง

เลือกไม่ได้ใช่ไหม? ระหว่าง น้ำมัน⛽ vs ไฟฟ้า⚡

GWM จัดให้! พลังงานขับเคลื่อนทั้ง 2 รูปแบบ

All New “HAVAL H6 PHEV Plug-in Hybrid” นวัตกรรมใหม่ที่ผสานเทคโนโลยี EV และน้ำมันเข้าด้วยกัน ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ให้ทุกเส้นทางประหยัดและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของพลังงานเครื่องยนต์จากมอเตอร์ไฟฟ้า


ล้ำกว่า! >> ด้วยเทคโนโลยีจากโลกแห่งอนาคต ที่ช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ของระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่คอยช่วยเหลือคุณในระหว่างการขับขี่

คุ้มกว่า! >> ด้วยขุมพลังเทคโนโลยีที่ผสานกันระหว่าง EV และน้ำมัน ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ของความประหยัด 

จอยกว่า! >> ด้วยกำลังแรงบิดของเครื่องยนต์ที่ทำงานควบคู่ไปกับมอเตอร์ไฟฟ้า ขับสนุกกว่าด้วย 8 โหมดการขับขี่ ทั้งจากระบบไฟฟ้าและไฮบริด

วิธียืดอายุการใช้งานเเบตเตอรี่

มีน้องเหมียวน่ารักๆ แบบนี้ ก็อยากที่จะขับไปนานๆ 💙

        ใครที่มีน้องเหมียว 😻 ไว้ครอบครองต้องลองวิธีนี้ กับวิธียืดอายุการใช้งานแบตเตอรรี่ไฟฟ้า🔋⚡ สำหรับน้องเหมียว ORA Good Cat จะเป็นอย่างไรบ้างไปดูกัน ✨ 

🔋ใช้แบตให้ SOC น้อยกว่า 10%

🔋ชาร์จ 100% อย่างน้อย 1 ครั้ง/สัปดาห์ ด้วย AC EV Charger (ไม่ต้องรีเซ็ท SOC)

🔋จอดรถมากกว่าหรือเท่ากับ 1 ชั่วโมง ก่อนและหลังการใช้งาน

🔋จอดรถมากกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนใช้งาน  และ ก่อนชาร์จจนเต็ม 100% ด้วยAC EV Charger

เรื่อง ( ไม่ ) ลับ ของเเบตเตอรี่ Ora Good Cat

ORA Good Cat รถยนต์ไฟฟ้า 100% ไม่ได้มีดีแค่ความสวยนะ แต่ความดีงามของเทคโนโลยีในแบตเตอรี่ที่เป็นขุมพลังให้กับเหมียว ยังโดดเด่นไม่แพ้ความสวย ตามมาส่องกัน

Battery ของทั้ง 2 รุ่นถูกจัดมาอย่างเฉพาะเพื่อความเหมาะสม

👍 รุ่น 400 TECH และ 400 PRO ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ที่มีความจุ 47.788 kWh ขับได้ไกลสูงสุด 400 กิโลเมตร*

👍 รุ่น 500 ULTRA ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม Ternary (NMC) ความจุ 63.139 kWh ขับได้ไกลสูงสุด 500 กิโลเมตร*

และแบตเตอรี่ของ ORA Good Cat ยังมาพร้อมระบบระบายความร้อน LIQUID COOLING SYSTEM* ที่ช่วยให้ทุกการขับขี่ของคุณไร้กังวล**

*อ้างอิงผลการทดสอบระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้าตามมาตรฐาน New European Driving Cycle (NEDC Standard) ทั้งนี้ระยะทางการขับขี่ที่ได้รับจริงอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อุณหภูมิแวดล้อม สไตล์การขับขี่ จำนวนผู้โดยสารในรถ เป็นต้น

**ระบบระบายความร้อนจะทำงานควบคู่กับปัจจัยเกี่ยวเนื่อง 4 ประการ ได้แก่ ระดับความชัน น้ำหนักบรรทุก ลักษณะการขับขี่ และลักษณะทางกายภาพของเส้นทาง

 

Charging เพื่อเติมพลังให้เหมียว แบบ Fast Charge

ทั้ง 2 รุ่นสามารถเติมพลังให้เต็มเร็วด้วยระบบไฟฟ้ากระแสตรง DC ซึ่งใช้เวลาประมาณ 32 นาทีในรุ่น 400 TECH และ 400 PRO และ ประมาณ 40 นาทีในรุ่น 500 ULTRA จากปริมาณแบตเตอรี่ที่มี 30% -> 80% ก็พร้อมให้คุณออกเดินทางต่อด้วยการชาร์จเพียง 1 ครั้ง*

*อ้างอิงผลการทดสอบระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้าตามมาตรฐาน New European Driving Cycle (NEDC Standard) ทั้งนี้ระยะทางการขับขี่ที่ได้รับจริงอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อุณหภูมิแวดล้อม สไตล์การขับขี่ จำนวนผู้โดยสารในรถ เป็นต้น

สนใจทดลองขับ คลิก!ลงทะเบียนทดลองขับกับ GWM Chookiat Krabi

 

3 รูปแบบสุดล้ำ พลังงานขับเคลื่อนไฟฟ้าจาก GWM

ความล้ำของพลังงานขับเคลื่อนไฟฟ้า xEV จาก GWM ที่พร้อมให้ทุกคนได้สัมผัสกับเทคโนโลยีขับเคลื่อนทั้ง 3 รูปแบบ

HEV (Hybrid electric vehicle) ⛽🔋

ยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริดที่เครื่องยนต์ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้มีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ต่ำกว่า ซึ่งระบบขับเคลื่อนแบบ HEV ไฮบริดแบบนี้ จะอยู่ใน HAVAL H6 และ HAVAL JOLION

 

– PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) ⛽⚡💧

ยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอิน ยานยนต์ไฟฟ้าที่พัฒนาต่อยอดมาจาก HEV (ระบบไฮบริด) ซึ่งจะอัปเกรดเพิ่มระบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟขึ้นมา ให้เข้ากับการใช้งานในประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจาก สามารถการทำงานได้ทั้ง 2 ระบบ (น้ำมัน และ ไฟฟ้า) ทำมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบ PHEV สามารถวิ่งได้ในระยะทางที่ไกลกว่า HEV ซึ่งระบบขับเคลื่อนแบบ PHEV ปลั๊กอินไฮบริดจะอยู่ใน HAVALH6 PHEV

 

– BEV (Battery Electric Vehicle) ⚡🔋

ยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ ที่จะใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งหมดเป็นตัวขับเคลื่อน และใช้การชาร์จไฟฟ้าเพื่อเติมพลังงานเข้าไปยังมอเตอร์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งข้อดีคือจะไม่มีควันไอเสียปล่อยทิ้งเป็นมลพิษทางอากาศ ช่วยให้คุณประหยัดขึ้นได้มากขึ้น ซึ่งระบบขับเคลื่อนแบบ BEV ยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ จะอยู่ใน ORA GOODCAT และ ORA GOODCAT GT

 

ตามหาคำตอบของความล้ำของยานยนต์ EV ทั้ง 3 รูปแบบจาก GWM ได้แล้ววันนี้ ที่ GWM Krabi 

หรือสนใจทดลองขับ คลิก! ลงทะเบียนทดลองขับกับ GWM Chookiat Krabi

รถยนต์ไฟฟ้า ทำประกันรถยนต์ประเภทใดได้บ้าง?

        รถยนต์ไฟฟ้าเริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมในประเทศไทยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ Hybrid ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบน้ำมันและไฟฟ้า ไปจนถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเดียว ซึ่งผสมผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ทั้งนี้ เมื่อตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งาน หลายคนยังเกิดคำถามว่าจะต้องทำประกันรถยนต์แบบไหน? วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบกัน

รถยนต์ไฟฟ้าสามารถทำประกันแบบไหนได้บ้าง?

       เชื่อว่าคงเป็นคำถามที่หลายคนสงสัยกันอย่างแน่นอน กับเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้าสามารถทำประกันรถยนต์ได้ไหม? ต้องขอตอบเลยว่า “สามารถทำได้” โดยสามารถทำประกันรถยนต์ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1,2,2+,3 และ 3+ เพราะรถยนต์ไฟฟ้านับเป็นรถยนต์ประเภทหนึ่งที่ขับขี่บนท้องถนน แต่ในเรื่องของเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าอาจจะมีราคาสูงกว่าการทำประกันรถยนต์ทั่วไปนิดหน่อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความผันผวนของราคาแบตเตอรี่ไฟฟ้า แต่ในอนาคต หากแบตเตอรี่ราคาอยู่ในระดับคงที่ ราคาประกันก็จะอยู่ในระดับปกติกับรถยนต์ทั่วไปนั่นเอง

      เป็นยังไงกันบ้างกับข้อมูลรถยนต์ไฟฟ้าที่เรารวบรวมมาให้ได้รู้กัน รวมถึงเรื่องของการทำประกันรถยนต์ไฟฟ้า ที่จะช่วยให้ผู้ที่กำลังสนใจรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่อย่างรถยนต์ไฟฟ้าตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าคุณจะขับรถยนต์แบบทั่วไปรถยนต์ไฟฟ้า หรือวางแผนจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต การทำประกันรถยนต์ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะได้รับความคุ้มครองและประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้ว ยังช่วยสร้างความอุ่นใจให้ผู้ขับขี่อีกด้วย

รถยนต์น้ำมัน VS รถยนต์ไฟฟ้า แบบไหนประหยัดกว่ากัน

     ปัจจัยหลักที่จะทำให้ประชาชนตัดสินใจที่จะเปลี่ยนรถยนต์ในเร็วๆ นี้ หันมาโฟกัสยานยนต์ไฟฟ้า (EV) มากขึ้นนั้น นอกจากจะสามารถชาร์จที่บ้านตามความต้องการแล้ว ค่าไฟที่ถูกกว่าอาจจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

    สำหรับอัตราการเติบโตของยอดจองรถยนต์ไฟฟ้า (EV) หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือราคาน้ำมันที่แสนแพงและมีความผันผวนมากขึ้น ยิ่งรัฐบาลไทยออกมาตรการอุดหนุนมอบส่วนลดต่างๆ เพื่อให้ราคารถไฟฟ้าเทียบเท่ารถเติมที่น้ำมัน สะท้อนให้เห็นกระแสความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการรถพลังงานสะอาดเป็นทางเลือกยังมีความต้องการอีกไม่น้อย 
  นอกจาก 2 ปัจจัยดังกล่าวแล้ว ผู้ใช้รถไฟฟ้ายังถูกมองเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ใส่ใจธรรมชาติ เพราะรถไฟฟ้าจะไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเป็นปัญหาในยุคปัจจุบันสอดคล้องกับนานาประเทศ

     วันนี้ GWM Krabi จะขอโฟกัสเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงกับไฟฟ้า โดยอ้างอิงจากเว็บไซต์ driveelectric ระบุว่า การขับรถด้วยรถยนต์ไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเพียง 1 บาทต่อกิโลเมตร หากเทียบกับปัจจุบันราคาน้ำมันจะเฉลี่ย 1 ลิตร (โซฮอลล์ 95 คือ 31 บาท) วิ่งในระยะทางตรงได้ 15 กิโลเมตรต่อลิตร เท่ากับว่ามีค่าใช้จ่าย 2.06 บาทต่อกิโลเมตร ถือว่าแพงกว่าเท่าตัว

     อีกทั้ง ยังประหยัดในเรื่องของการซ่อมบำรุงเพราะรถไฟฟ้าไม่มีเครื่องยนต์ หัวใจหลักอยู่ที่แบตเตอรี่และมอเตอร์ที่มีการประกันแบตเตอรี่ 8 ปี

error: Content is protected !!