PHEV รถไฟฟ้าที่เติมน้ำมันได้ มันเป็นอย่างไร มาดูกัน
แม้ในปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้า 100% จะเป็นยานพาหนะที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จากสถานการณ์ของราคาน้ำมันที่ขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีรถยนต์พลังงานทางเลือกที่น่าสนใจ และให้ความประหยัดได้มากเช่นกันก็คือ รถไฟฟ้าที่เติมน้ำมันได้ หรือที่เรียกว่ารถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด(PHEV) ซึ่งเป็นรถที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากรถยนต์แบบไฮบริด
ทำความรู้จักกับรถยนต์ PHEV
รถยนต์ PHEV คือ รถไฟฟ้าที่เติมน้ำมันได้ หรือชื่ออย่างเป็นทางการ รถปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle,PHEV ) เป็นรถที่มีระบบการทำงานของเครื่องยนต์ 2 แบบ ได้แก่ พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิง และพลังงานจากไฟฟ้า พร้อมกับสามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้ ซึ่งจะแตกต่างกับรถยนต์ไฮบริดที่ไม่สามารถชาร์จไฟได้นั่นเอง หรือหากใช้พลังงานจากไฟฟ้าหมดก็ยังสามารถขับต่อไปได้ด้วยการใช้พลังงานจากน้ำมัน
โดยหลักการทำงานง่ายๆ ของรถยนต์ PHEV คือ เครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำงานร่วมกัน และจากการที่มีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟได้นั้น ทำให้ตัวรถมีการเพิ่มโหมด EV เข้ามา ซึ่งจะวิ่งด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวได้ด้วย แต่ก็มีระยะทางไม่เยอะ 30-50 กิโลเมตรเท่านั้น และเมื่อกระแสไฟฟ้าหมด เครื่องยนต์ก็จะเข้ามารับหน้าที่ในการขับเคลื่อนแทน
ความแตกแต่างระหว่างรถไฮบริด (HEV) รถปลั๊กอินไฮบริด(PHEV) และรถไฟฟ้า(BEV) 100%
รถทั้ง 3 ประเภทจะเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยว ซึ่งรถไฮบริดนั้นจะเป็นการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ แต่ไม่สามารถชาร์จไฟได้ ต่างจากรถปลั๊กอินไฮบริดที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากรถไฮบริด โดยรถ PHEV เป็นรถยนต์ที่มีทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์เหมือนรถยนต์ไฮบริด แต่ รถ PHEV สามารถเลือกระบบขับเคลื่อนได้ว่าต้องการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าผสานเครื่องยนต์ (ไฮบริด) หรือใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ซึ่งหากเลือกใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ก็จะมีการทำงานที่เหมือนรถยนต์ไฟฟ้าเลย และสามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟได้เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งหากแบตเตอรี่หมดและไม่สามารถหาที่ชาร์จไฟได้ สามารถเลือกระบบขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดเพื่อเดินทางได้อย่างต่อเนื่อง ในส่วนของรถไฟฟ้า 100% จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าส่งกำลังให้รถยนต์เคลื่อนที่ โดยเป็นพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เท่านั้น ไม่มีเครื่องยนต์น้ำมันเกี่ยวข้อง ดังนั้นระยะการขับจะขึ้นอยู่กับการออกแบบ, ขนาด และประเภทของแบตเตอรี่ รวมทั้งน้ำหนักบรรทุก
มาดูข้อดีของรถปลั๊กอินไฮบริด(PHEV) รถไฟฟ้าที่เติมน้ำมันได้
- ประหยัดค่าน้ำมันได้เยอะแน่นอน รถปลั๊กอินไฮบริด(PHEV) มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันน้อยกว่ารถยนต์ทั่วไปถึง 30-60% เพราะมีการใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาทดแทน จึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
- ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าช่วย สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ รถปลั๊กอินไฮบริด(PHEV) สามารถขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าได้ 100% จึงทำให้สามารถขับขี่ได้ไกลโดยไม่สิ้นเปลืองน้ำมัน
- รักษ์โลก ลดการปล่อยมลพิษได้เยอะ การใช้งาน 2 ระบบของรถปลั๊กอินไฮบริด(PHEV) จะช่วยลดการปล่อยมลพิษในอากาศ ช่วยรักษ์โลก และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้ระบบพลังงานไฟฟ้า
- ขับเคลื่อนได้ดี เดินทางไกลได้ไม่ติดขัด ด้วยการใช้งานแบบ 2 ระบบ ทำให้ขับขี่ได้ไกลยิ่งขึ้น สมรรถนะในการขับขี่ดี สามารถเลือกขับได้ทั้งระบบไฟฟ้า และ ไฮบริดทั่วไป
- สามารถเติมพลังงานไฟฟ้าได้ โดยสามารถชาร์จระบบไฟฟ้าได้เหมือนรถไฟฟ้า 100% สามารถชาร์จได้ง่าย ๆ ที่จุดชาร์จที่ให้บริการ หรือชาร์จกับปลั๊กไฟที่บ้านก็ได้เช่นกัน
มาดูข้อเสียของรถปลั๊กอินไฮบริด(PHEV) กันบ้าง
- ราคาที่สูงขึ้น รถปลั๊กอินไฮบริด(PHEV) จะมีราคาที่สูงกว่ารถไฮบริดทั่วไป เนื่องจากเป็นรถที่มี 2 ระบบ สามารถใช้ได้ทั้งระบบน้ำมัน และระบบไฟฟ้า
- ปัญหาการชาร์จไฟ บางคนอาจพบเจอกับปัญหาสถานีชาร์จไฟฟ้าไม่ทั่วถึง แม้ในปัจจุบันจะมีสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถไฟฟ้า และกึ่งไฟฟ้าแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รองรับทุกพื้นที่อยากทั่วถึง อาจทำให้ไม่สะดวกในการใช้งานระบบไฟฟ้าในบางพื้นที่
- ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอาจสูงขึ้น เนื่องจากเป็นรถ 2 ระบบ จึงอาจมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาที่สูงขึ้นกว่ารถไฮบริดทั่วไป ทั้งค่าไฟบ้าน ค่าซ่อมบำรุงกรณีเกิดเสีย หรือขัดข้อง จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่ารถยนต์ทั่วไป
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รถ PHEV หรือรถไฟฟ้าที่เติมน้ำมันได้ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจในการขับขี่บนท้องถนน ทั้งช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจุบันนี้ รถ PHEV ในไทยก็มีให้เลือกกันหลากหลายรุ่น ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกันออกไป
สำหรับใครที่สนใจรถ PHEV รถไฟฟ้าที่เติมน้ำมันได้ ของแบรนด์ GWM สามารถทดลองขับรถ HAVAL H6 PHEV ได้แล้วที่ โชว์รูม GWM กระบี่ เราพร้อมดูแลและให้บริการท่าน.
สนใจทดลองขับรถ GWM ได้ทุกรุ่น ติดต่อฝ่ายขาย : 099-310-8265
หรือกรอกฟอร์มทดลองขับ คลิกที่นี้